ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย เจอ 5 เทรนด์โลกเขย่า 'สศอ.' เร่งพลิกเกมสู้

04 มิถุนายน 2568
ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย เจอ 5 เทรนด์โลกเขย่า 'สศอ.' เร่งพลิกเกมสู้
  • ความท้าทายสำคัญที่ สศอ. เผชิญ คือ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพิงการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเป็นสาขาหลักในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในแง่ของการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ 
  • เทคโนโลยีก้าวหน้าเร็วมาก โดยเฉพาะ AI และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ ที่เชื่อมโยงผ่าน IoT, Big Data, Machine Learning เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม
  • อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ จะต้องเร่งรัดการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศอย่างน้อย 40% (ภายใต้เขตประกอบการเสรี/ปลอดอากร) คาดปี 2568 จะผลิต EV รวม 102,472 คัน
  • ส่วนอุตสาหกรรมเหล็ก กรมโรงงานอุตสาหกรรมร่วมกับ สศอ. พิจารณาจัดทำร่างประกาศห้ามตั้ง/ขยายโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อน แต่เปิดทางให้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเป็น เหล็กสีเขียว ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่สำคัญที่สุด คือการที่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกสินค้า อุตสาหกรรมเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สิ่งนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายนอกเป็นอย่างมาก โดยมี 5 แนวโน้มโลกและทิศทางการพัฒนาประเทศ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงและจำเป็นต้องเร่งปรับตัว

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ความท้าทายที่สำคัญที่สุดที่ สศอ. กำลังเผชิญในปัจจุบัน คือ การที่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพิงการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเป็นสาขาหลักในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในแง่ของการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงาน

ตลอดจนการสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายนอก โดยแนวโน้มโลกและทิศทางการพัฒนาประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมแบ่งออกเป็นหลายด้านที่สำคัญ เช่น 

1. ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมหลายด้านที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เศรษฐกิจ และสังคม เช่น นำ AI มาใช้ในด้านต่าง ๆ อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาแชตบอต การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ และระบบการแปลภาษา ใช้ AI ด้านการแพทย์ เช่น การวินิจฉัยโรค และในอุตสาหกรรม หรือ หุ่นยนต์อัตโนมัติในโรงงาน เชื่อมโยงกระบวนการผลิตผ่าน IoT, Big Data และ Machine Learning เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในภาคการผลิตผ่านการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ส่งเสริมการนำ AI/ เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำวิจัยในคน (Clinical Trial) เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นจริยธรรมทางการแพทย์ (Medical Ethic) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่ไทยมีศักยภาพ เช่น Automation application work cell, AMR, ASRS, Realtime Monitoring, Big data and Analytics, Machine learning and AI  

2. ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม Climate Change ประเทศต่าง ๆ นำประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ อาทิ มาตรการ CBAM และกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาสินค้าและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน 

ดังนั้น กระทรวงฯ ได้ดำเนินมาตรการที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เร่งรัดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศอย่างน้อย 40% ภายใต้เขตประกอบการเสรี และเขตปลอดอากร (Freezone) ตามข้อเงื่อนไขการผลิตชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในปี 2565-2566 โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีการผลิตรถ EV รวม 102,472 คัน

3. อุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับสศอ. อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อน โดยจำกัดการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อน เพื่อแก้ปัญหาการใช้อัตรากำลังการผลิตเหล็กที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และหาแนวทางในการกำหนดเงื่อนไขสำหรับการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เหล็กสีเขียว เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ ที่มีแผนการลงทุนเพิ่มเติม หรือการลงทุนใหม่ ในกระบวนการผลิตลักษณะดังกล่าว สามารถดำเนินกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวได้ โดยไม่เป็นการขัดกับประกาศฯ

ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่ Silver Economy โลกได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งจำนวนและสัดส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งประเทศไทยและทั่วโลก โดยไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เป็นประเด็นท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่พึ่งพาแรงงานจำนวนมาก โดยกระทรวงฯ ได้ดำเนินมาตรการ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม พัฒนาการออกแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสนับสนุนการผลิตเสื้อผ้าที่คำนึงถึง Fashion ควบคู่กับ Function (Functional / Application Design) สำหรับตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ (Silver Economy)

5. ความท้าทายด้านการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้า (Origin Fraud) ในภาคอุตสาหกรรมไทยถือเป็นประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs และการค้าระหว่างประเทศ โดยจะทำให้ SMEs สูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง SMEs ที่ผลิตสินค้าโดยชอบธรรม ต้องแข่งขันกับสินค้าสวมสิทธิที่มีต้นทุนต่ำกว่าส่งผลให้ขายสินค้าได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดส่งออก 

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้ทำนโยบาย “Save อุตสาหกรรมไทย” ที่มีความสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการปกป้องและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทย เช่น การป้องกันการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยสร้างความเท่าเทียมด้านกฎระเบียบและภาษีระหว่างร้านค้าที่มีหน้าร้านในไทย ผู้ประกอบการออนไลน์ที่อยู่ในไทย และผู้ประกอบการออนไลน์ต่างประเทศ โดยผลักดันการใช้ Big Data และ AI จับสินค้าไม่ได้มาตรฐานใน E-Commerce Platform ของประเทศ 

ทั้งนี้ สศอ. ได้ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2568 ขยายตัวอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0 – 1 จากประมาณการเดิมขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 และ GDP ภาคอุตสาหกรรม ปี 2568 คาดขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5 จากประมาณการครั้งก่อนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานทางเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยมีสาเหตุหลักจาก การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ


แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.